วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ยุคทองของสุนทรภู่

ยุคทองของสุนทรภู่ 
ยุคทองสุนทรภู่ (พ.ศ.๒๓๕๙ - ๒๓๖๗): อายุ ๓๑ - ๓๘ ปี
          สุนทรภู่ ได้เข้าสู่ยุคซึ่งตนเองประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต เมื่อเข้าสู่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) เนื่องด้วยพระองค์ทรงเป็นมหากวี และทรงสนพระทัยเรื่องการละครเป็นอย่างยิ่ง  ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีการกวดขันฝึกหัดวิธีรำจนได้เป็นแบบอย่างของละครรำมาตราบจนทุกวันนี้ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงพระราชนิพนธ์บทละครขึ้นใหม่อีกถึง ๗ เรื่อง เช่นเรื่องอิเหนา และเรื่องรามเกียรติ์ เป็นต้น 
          สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในปี พ.ศ.๒๓๕๙ ในกรมพระอาลักษณ์  หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงสนพระทัยในฝีมือของสุนทรภู่ และยังทรงพอพระทัยในไหวพริบปฏิภาณของสุนทรภู่ด้วย เรื่องราวของสุนทรภู่ที่ได้แสดงฝีมือเป็นที่พอพระทัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเล่าว่า  ครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ถึงตอนนางสีดาผูกคอตาย  บทพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๑ ซึ่งเล่นละครกันมากล่าวบทนางสีดาตอนเมื่อจะผูกคอตายว่า
         เอาภูษาผูกศอให้มั่น     แล้วพันกับกิ่งโศกใหญ่
   หลับเนตรจำนงปลงใจ        อรไทก็โจนลงมา
ต่อไปก็เป็นบทของหนุมานที่ว่า
          บัดนั้น                    วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า
   ครั้นเห็นองค์อัครกัลยา        ผูกศอโจนมาก็ตกใจ
   ตัวสั่นเพียงสิ้นชีวิต             ร้อนจิตดังหนึ่งเพลิงไหม้
   โลดโผนโจนลงตรงไป        ด้วยกำลังว่องไวทันที (เชิด) 
         ครั้นถึงจึงแก้ภูษาทรง   ที่ผูกศอองค์พระลักษมี
   หย่อนลงยังพื้นปัถพี            ขุนกระบี่ก็โจนลงมา
          พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงติว่าบทเก่าตรงนี้ กว่าหนุมานจะเข้าช่วยเหลือนางสีดาได้ นางสีดาก็คงตายไปแล้ว จึงทรงพระราชนิพนธ์ตอนนี้ใหม่ หวังจะให้หนุมานได้เข้าช่วยเหลือนางสีดาได้โดยเร็ว ทรงแต่งบทนางสีดาว่า
          จึงเอาผ้าผูกผันกระสันรัด    แล้วพันกับกิ่งโศกใหญ่
    หลับเนตรจำนงปลงใจ             อรไทก็โจนลงมา
          แต่แล้วก็เกิดขัดข้องที่ว่า จะแต่งบทหนุมานอย่างไรให้แก้นางสีดาได้โดยเร็ว เหล่ากวีที่ปรึกษาของพระองค์ก็ไม่มีใครสามารถแต่งบทให้เป็นที่พอพระราชหฤทัยได้พระองค์จึงโปรดให้สุนทรภู่ซึ่งหมอบเฝ้าอยู่ด้วยลองดู สุนทรภู่ได้แต่งว่า
          ชายหนึ่งผูกศออรไท      แล้วทอดองค์ลงไปจะให้ตาย
          บัดนั้น                      วายุบุตรแก้ได้ดังใจหมาย
          ปรากฏว่าเป็นที่พอพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง ทรงยกย่องว่าสุนทรภู่แต่งได้เก่ง อีกคราวหนึ่งเมื่อทรงพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ ตอนศึกสิบขุนสิบรถ ทรงพระราชนิพนธ์บทในช่วงชมรถของทศกัณฐ์ว่า
          รถที่นั่ง                         บุษบกบัลลังก์ตั้งตระหง่าน
    กว้างยาวใหญ่เท่าเขาจักรวาล     ยอดเยี่ยมเทียมวิมานเมืองแมน
    ดุมวงกงหันเป็นควันคว้าง          เทียมสิงห์วิ่งวางข้างละแสน
    สารถีขี่ขับเข้าดงแดน               พื้นแผ่นดินกระเด็นไปเป็นจุณ


          ทรงพระราชนิพนธ์มาได้เพียงเท่านี้ ทรงนึกความที่จะต่อไปอย่างไรให้สมกับที่รถใหญ่โตปานนั้นก็นึกไม่ออก จึงมีรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อ สุนทรภู่ก็ได้แต่งต่อว่า
    นทีตีฟองนองระลอก                 กระฉอกกระฉ่อนชลข้นขุ่น
    เขาพระเมรุเอนเอียงอ่อนละมุน     อนนต์หนุนดินดานสะท้านสะเทือน
    ทวยหาญโห่ร้องก้องกัมปนาท      สุธาวาสไหวหวั่นลั่นเลื่อน
    บดบังสุริยันตะวันเดือน              คลาดเคลื่อนจัตุรงค์ตรงมา
          กลอนบทนี้เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยยิ่งนัก  นับแต่นั้นพระองค์ก็ทรงนับสุนทรภู่เป็นกวีที่ปรึกษาด้วยอีกคนหนึ่ง ทรงตั้งให้สุนทรภู่เป็นที่ ขุนสุนทรโวหาร พระราชทานที่ให้ปลูกเรือนหลวงอาศัยที่ท่าช้าง และให้มีตำแหน่งเข้าเฝ้าฯ เป็นเนื่องนิจ  แม้เวลาเสด็จประพาสก็โปรดฯ ให้สุนทรภู่ลงเรือพระที่นั่งไปด้วย เป็นพนักงานอ่านเขียนในเวลาทรงพระราชนิพนธ์บทกลอน
          ระหว่างที่สุนทรภู่รับราชการ และพักอยู่ที่เรือนหลวงซึ่งได้รับพระราชทานมานั้น  ก็ได้รับบุตรชายทั้ง ๒ คนคือ พัด และ ตาบ ซึ่งเป็นพี่น้องต่างมารดากัน ที่เดิมเจ้าครอกทองอยู่ได้ทรงพระเมตตารับอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้ง ๒ ของสุนทรภู่เอาไว้ให้กลับมาอยู่ด้วยกันที่เรือนหลวงแห่งนี้  แต่ว่ารับราชการไปนานขึ้น เนื่องด้วยสุนทรภู่เป็นคนใจกว้าง และมีเพื่อนฝูงมาก ทำให้การเลี้ยงดูสนุกสนานกินเหล้าเมายาเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนญาติผู้ใหญ่ต้องเตือนสุนทรภู่ แต่สุนทรภู่ก็มิได้เชื่อฟัง กลับหาเรื่องชกต่อยญาติผู้ใหญ่ท่านดังกล่าว จนถูกทูลถวายฎีกากล่าวโทษ  ครั้นความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ก็ทรงกริ้วสุนทรภู่ สั่งให้นำตัวสุนทรภู่ไปขังคุกไว้ ซึ่งถือเป็นการเข้าคุกครั้งที่ ๒ ของสุนทรภู่ (ครั้งแรกคือเมื่อติดคุกกับแม่จัน ภรรยาคนแรก) เมื่อราวปีพ.ศ.๒๓๖๗  และในช่วงที่ติดคุกนี้เอง สุนทรภู่ก็ได้แต่งนิทานคำกลอนออกมาขายโดยเป็นบทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม ขนาด ๑ เล่มสมุดไทย
          แต่แล้ว ก็ถึงคราวโชคดีของสุนทรภู่  เมื่อคราหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องหนึ่งเรื่องใดติดขัด แล้วไม่มีผู้ใดจะต่อกลอนให้พอพระราชหฤทัยได้ ทำให้พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ไปเบิกตัวสุนทรภู่จากคุกเพื่อให้มาช่วยต่อกลอน ซึ่งสุนทรภู่สามารถต่อกลอนให้เป็นที่พอพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ ทำให้พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษแด่สุนทรภู่ และให้เข้ากลับมารับราชการตามเดิม
          หลังจากที่สุนทรภู่ได้รับพระราชทานอภัยโทษกลับเข้ามารับราชการในตำแหน่งขุนสุนทรโวหาร กวีที่ปรึกษาตามเดิมแล้ว  ในช่วงปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯให้สุนทรภู่ไปเป็นพระอาจารย์สอนหนังสือให้แก่ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระโอรสในเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี  ซึ่งในขณะนั้นทรงมีพระชันษา ๕ ปี  สุนทรภู่ได้ถวายพระอักษรเจ้าฟ้าอาภรณ์จนทรงอ่านออกเขียนได้แล้ว  สุนทรภู่จึงได้แต่งสุภาษิตคำกลอนถวายเรื่องหนึ่งคือเรื่อง สวัสดิรักษา ความยาว ๑ เล่มสมุดไทย  ในปีพ.ศ.๒๓๖๗

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น