ยุคทองสุนทรภู่ (พ.ศ.๒๓๕๙ - ๒๓๖๗): อายุ ๓๑ - ๓๘ ปี
สุนทรภู่ ได้เข้าสู่ยุคซึ่งตนเองประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิต เมื่อเข้าสู่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) เนื่องด้วยพระองค์ทรงเป็นมหากวี และทรงสนพระทัยเรื่องการละครเป็นอย่างยิ่ง ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีการกวดขันฝึกหัดวิธีรำจนได้เป็นแบบอย่างของละครรำมาตราบจนทุกวันนี้ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงพระราชนิพนธ์บทละครขึ้นใหม่อีกถึง ๗ เรื่อง เช่นเรื่องอิเหนา และเรื่องรามเกียรติ์ เป็นต้น
สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในปี พ.ศ.๒๓๕๙ ในกรมพระอาลักษณ์ หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงสนพระทัยในฝีมือของสุนทรภู่ และยังทรงพอพระทัยในไหวพริบปฏิภาณของสุนทรภู่ด้วย เรื่องราวของสุนทรภู่ที่ได้แสดงฝีมือเป็นที่พอพระทัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเล่าว่า ครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ถึงตอนนางสีดาผูกคอตาย บทพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๑ ซึ่งเล่นละครกันมากล่าวบทนางสีดาตอนเมื่อจะผูกคอตายว่า
เอาภูษาผูกศอให้มั่น แล้วพันกับกิ่งโศกใหญ่
หลับเนตรจำนงปลงใจ อรไทก็โจนลงมา
หลับเนตรจำนงปลงใจ อรไทก็โจนลงมา
ต่อไปก็เป็นบทของหนุมานที่ว่า
บัดนั้น วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า
ครั้นเห็นองค์อัครกัลยา ผูกศอโจนมาก็ตกใจ
ตัวสั่นเพียงสิ้นชีวิต ร้อนจิตดังหนึ่งเพลิงไหม้
โลดโผนโจนลงตรงไป ด้วยกำลังว่องไวทันที (เชิด)
ครั้นถึงจึงแก้ภูษาทรง ที่ผูกศอองค์พระลักษมี
หย่อนลงยังพื้นปัถพี ขุนกระบี่ก็โจนลงมา
ครั้นเห็นองค์อัครกัลยา ผูกศอโจนมาก็ตกใจ
ตัวสั่นเพียงสิ้นชีวิต ร้อนจิตดังหนึ่งเพลิงไหม้
โลดโผนโจนลงตรงไป ด้วยกำลังว่องไวทันที (เชิด)
ครั้นถึงจึงแก้ภูษาทรง ที่ผูกศอองค์พระลักษมี
หย่อนลงยังพื้นปัถพี ขุนกระบี่ก็โจนลงมา
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงติว่าบทเก่าตรงนี้ กว่าหนุมานจะเข้าช่วยเหลือนางสีดาได้ นางสีดาก็คงตายไปแล้ว จึงทรงพระราชนิพนธ์ตอนนี้ใหม่ หวังจะให้หนุมานได้เข้าช่วยเหลือนางสีดาได้โดยเร็ว ทรงแต่งบทนางสีดาว่า
จึงเอาผ้าผูกผันกระสันรัด แล้วพันกับกิ่งโศกใหญ่
หลับเนตรจำนงปลงใจ อรไทก็โจนลงมา
หลับเนตรจำนงปลงใจ อรไทก็โจนลงมา
แต่แล้วก็เกิดขัดข้องที่ว่า จะแต่งบทหนุมานอย่างไรให้แก้นางสีดาได้โดยเร็ว เหล่ากวีที่ปรึกษาของพระองค์ก็ไม่มีใครสามารถแต่งบทให้เป็นที่พอพระราชหฤทัยได้พระองค์จึงโปรดให้สุนทรภู่ซึ่งหมอบเฝ้าอยู่ด้วยลองดู สุนทรภู่ได้แต่งว่า
ชายหนึ่งผูกศออรไท แล้วทอดองค์ลงไปจะให้ตาย
บัดนั้น วายุบุตรแก้ได้ดังใจหมาย
บัดนั้น วายุบุตรแก้ได้ดังใจหมาย
ปรากฏว่าเป็นที่พอพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง ทรงยกย่องว่าสุนทรภู่แต่งได้เก่ง อีกคราวหนึ่งเมื่อทรงพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ ตอนศึกสิบขุนสิบรถ ทรงพระราชนิพนธ์บทในช่วงชมรถของทศกัณฐ์ว่า
รถที่นั่ง บุษบกบัลลังก์ตั้งตระหง่าน
กว้างยาวใหญ่เท่าเขาจักรวาล ยอดเยี่ยมเทียมวิมานเมืองแมน
ดุมวงกงหันเป็นควันคว้าง เทียมสิงห์วิ่งวางข้างละแสน
สารถีขี่ขับเข้าดงแดน พื้นแผ่นดินกระเด็นไปเป็นจุณ
ทรงพระราชนิพนธ์มาได้เพียงเท่านี้ ทรงนึกความที่จะต่อไปอย่างไรให้สมกับที่รถใหญ่โตปานนั้นก็นึกไม่ออก จึงมีรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อ สุนทรภู่ก็ได้แต่งต่อว่า
กว้างยาวใหญ่เท่าเขาจักรวาล ยอดเยี่ยมเทียมวิมานเมืองแมน
ดุมวงกงหันเป็นควันคว้าง เทียมสิงห์วิ่งวางข้างละแสน
สารถีขี่ขับเข้าดงแดน พื้นแผ่นดินกระเด็นไปเป็นจุณ
ทรงพระราชนิพนธ์มาได้เพียงเท่านี้ ทรงนึกความที่จะต่อไปอย่างไรให้สมกับที่รถใหญ่โตปานนั้นก็นึกไม่ออก จึงมีรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งต่อ สุนทรภู่ก็ได้แต่งต่อว่า
นทีตีฟองนองระลอก กระฉอกกระฉ่อนชลข้นขุ่น
เขาพระเมรุเอนเอียงอ่อนละมุน อนนต์หนุนดินดานสะท้านสะเทือน
ทวยหาญโห่ร้องก้องกัมปนาท สุธาวาสไหวหวั่นลั่นเลื่อน
บดบังสุริยันตะวันเดือน คลาดเคลื่อนจัตุรงค์ตรงมา
เขาพระเมรุเอนเอียงอ่อนละมุน อนนต์หนุนดินดานสะท้านสะเทือน
ทวยหาญโห่ร้องก้องกัมปนาท สุธาวาสไหวหวั่นลั่นเลื่อน
บดบังสุริยันตะวันเดือน คลาดเคลื่อนจัตุรงค์ตรงมา
กลอนบทนี้เป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยยิ่งนัก นับแต่นั้นพระองค์ก็ทรงนับสุนทรภู่เป็นกวีที่ปรึกษาด้วยอีกคนหนึ่ง ทรงตั้งให้สุนทรภู่เป็นที่ ขุนสุนทรโวหาร พระราชทานที่ให้ปลูกเรือนหลวงอาศัยที่ท่าช้าง และให้มีตำแหน่งเข้าเฝ้าฯ เป็นเนื่องนิจ แม้เวลาเสด็จประพาสก็โปรดฯ ให้สุนทรภู่ลงเรือพระที่นั่งไปด้วย เป็นพนักงานอ่านเขียนในเวลาทรงพระราชนิพนธ์บทกลอน
ระหว่างที่สุนทรภู่รับราชการ และพักอยู่ที่เรือนหลวงซึ่งได้รับพระราชทานมานั้น ก็ได้รับบุตรชายทั้ง ๒ คนคือ พัด และ ตาบ ซึ่งเป็นพี่น้องต่างมารดากัน ที่เดิมเจ้าครอกทองอยู่ได้ทรงพระเมตตารับอุปการะเลี้ยงดูบุตรทั้ง ๒ ของสุนทรภู่เอาไว้ให้กลับมาอยู่ด้วยกันที่เรือนหลวงแห่งนี้ แต่ว่ารับราชการไปนานขึ้น เนื่องด้วยสุนทรภู่เป็นคนใจกว้าง และมีเพื่อนฝูงมาก ทำให้การเลี้ยงดูสนุกสนานกินเหล้าเมายาเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนญาติผู้ใหญ่ต้องเตือนสุนทรภู่ แต่สุนทรภู่ก็มิได้เชื่อฟัง กลับหาเรื่องชกต่อยญาติผู้ใหญ่ท่านดังกล่าว จนถูกทูลถวายฎีกากล่าวโทษ ครั้นความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ก็ทรงกริ้วสุนทรภู่ สั่งให้นำตัวสุนทรภู่ไปขังคุกไว้ ซึ่งถือเป็นการเข้าคุกครั้งที่ ๒ ของสุนทรภู่ (ครั้งแรกคือเมื่อติดคุกกับแม่จัน ภรรยาคนแรก) เมื่อราวปีพ.ศ.๒๓๖๗ และในช่วงที่ติดคุกนี้เอง สุนทรภู่ก็ได้แต่งนิทานคำกลอนออกมาขายโดยเป็นบทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม ขนาด ๑ เล่มสมุดไทย
แต่แล้ว ก็ถึงคราวโชคดีของสุนทรภู่ เมื่อคราหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องหนึ่งเรื่องใดติดขัด แล้วไม่มีผู้ใดจะต่อกลอนให้พอพระราชหฤทัยได้ ทำให้พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ไปเบิกตัวสุนทรภู่จากคุกเพื่อให้มาช่วยต่อกลอน ซึ่งสุนทรภู่สามารถต่อกลอนให้เป็นที่พอพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ ทำให้พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษแด่สุนทรภู่ และให้เข้ากลับมารับราชการตามเดิม
หลังจากที่สุนทรภู่ได้รับพระราชทานอภัยโทษกลับเข้ามารับราชการในตำแหน่งขุนสุนทรโวหาร กวีที่ปรึกษาตามเดิมแล้ว ในช่วงปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯให้สุนทรภู่ไปเป็นพระอาจารย์สอนหนังสือให้แก่ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระโอรสในเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี ซึ่งในขณะนั้นทรงมีพระชันษา ๕ ปี สุนทรภู่ได้ถวายพระอักษรเจ้าฟ้าอาภรณ์จนทรงอ่านออกเขียนได้แล้ว สุนทรภู่จึงได้แต่งสุภาษิตคำกลอนถวายเรื่องหนึ่งคือเรื่อง สวัสดิรักษา ความยาว ๑ เล่มสมุดไทย ในปีพ.ศ.๒๓๖๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น